Six-membered ring systems: with O and/or S atoms

A large variety of publications involving O- and S-6-membered ring systems have appeared in 2017. The importance of these heterocyclic compounds is highlighted by the huge number of publications on the total synthesis of natural oxygen derivatives and of other communications dedicated to synthetic derivatives. Reviews on stereoselective organocatalytic synthesis of tetrahydropyrans (17EJO4666), of tetrahydropyrans and their application in total synthesis of natural products (17CSR1661), on the synthesis of the less thermodynamically stable 2,6-trans-tetrahydropyrans (17S4899), on enantioselective synthesis of polyfunctionalized pyran and chromene derivatives (17TA1462), and on enantioselective and racemic total synthesis of camptothecins, including the formation of their pyran-2-one ring (17SL1134), have appeared. Advances in the transition metal-catalyzed synthesis of pyran-2/4-ones (17TL263), N-heterocyclic carbene (NHC)-catalyzed achiral synthesis of pyran-2-one, coumarin and (thio)chromone derivatives (17OBC4731), on the synthesis and transformation of 2H-pyran-2-ones (17T2529) and 2-styrylchromones (17EJO3115) into other heterocyclic compounds, have been surveyed. The strategies to build up the tetrahydropyranyl core of brevisamide (17H(95)81) and the reactions of ketyl radicals, generated from carbonyl derivatives under transition-metal photoredox-catalyzed conditions, leading to isochromen- and chroman-type compounds (17CC13093) were disclosed. Developments in the synthesis of pentafluorosulfanyl(chromene and coumarin) derivatives (17TL4803), photoswitchable D9-tetrahydrocannabinol derivatives (17JA18206), and aminobenzopyranoxanthenes with nitrogen-containing rings (17JOC13626) have been studied.info:eu-repo/semantics/publishedVersio

การสังเคราะห์วงขนาดเล็กและขนาดกลางที่เชื่อมต่อกับควินาโซลิโนน

Doctor of Philosophy (Chemistry(International Program)), 2023Quinazolinones are natural alkaloids that play a crucial role in exhibiting a wide range of biological and pharmacological activities. Among them, ring-fused quinazolinones are commonly found in various natural alkaloids and synthetic molecules, showcasing a diverse array of bioactivities. In this study, we focused on synthesizing tricyclic quinazolinones. Medium and small-sized ring fused quinazolinones were achieved via direct cyclization of quinazolinone intermediates having tert-butyl ethylcarbamate and H as nitrogen substituents, respectively. Firstly, we focused on cyclic amine and urea moieties to fuse with quinazolinone skeletons to obtain novel 11-membered ring fused quinazolinones. Key intermediates were prepared through a copper-catalyzed domino reaction. We successfully incorporated an alkyl side chain with a functionalized amine moiety. The construction of the 11-membered ring urea moiety involved direct cyclization using 1,1'- carbonyldiimidazole (CDI) of a diamino quinazolinone intermediate, which was generated through a series of steps including reductive amination and Bocdeprotection. Secondly, we explored the synthesis of deoxyvasicinone derivatives, which are smaller-sized ring fused quinazolinones. The cyclization process for forming the smaller-sized ring was carried out under both basic and acidic conditions, resulting in the formation of two deoxyvasicinone analogues. Under basic conditions, 1-acetyl-2,3-dihydro pyrrolo[2,1-b]quinazolin-9(1H)-one analogues were synthesized via direct cyclization in the presence of I2. Under acidic conditions, we synthesized 1- acetylpyrrolo[2,1-b]quinazolin-9(3H)-one analogues through a two-step process involving α,α-dichlorination followed by intramolecular C–N bond cyclization, with para-toluene sulfonic acid (PTSA) serving as a catalyst. The developed synthetic strategies provide valuable insights into the preparation and modification of quinazolinone derivatives

การสังเคราะห์โครมีนและควินาโซลิโนนด้วยปฏิกิริยาการเกิดแบบหลายขั้นตอนโดยใช้คอปเปอร์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

Thesis (M.Sc., Organic Chemistry)--Prince of Songkla University, 201

เครื่องหั่น-ซอยพืชผักผลไม้ แบบต่อเนื่อง

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพรระดับวิสาหกิจชุมชน 2) ศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพร และ 3) ประเมินความพึงพอใจของวิสาหกิจชุมชนที่มีต่อเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพร ประชากรที่ทำประเมินคือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ปลูก และแปรรูปสมุนไพร จังหวัดสระแก้ว จำนวน 14 คน โดยใช้สถิติการหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผู้วิจัยได้ออกแบบสร้างเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพร โดยใช้วัสดุ SUS304 ในการสร้างชุดจานใบมีดแบบ 3 ใบมีด และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนชุดจานใบมีด การหาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพร ผู้วิจัยได้ทดลองหั่นมะระและขมิ้นชัน พบว่า 1) เครื่องหั่น-ซอยสมุนไพรสามารถหั่นมะระ 1 กิโลกรัม ใช้เวลา     30 วินาที ถ้าใช้แรงงานคนใช้เวลาเฉลี่ย 276 วินาที และเครื่องสามารถหั่นขมิ้นชัน 1 กิโลกรัม ใช้เวลา 14 วินาที ถ้าใช้แรงงานคนใช้เวลาเฉลี่ย 240 วินาที ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของวิสาหกิจชุมชน 2) การหาประสิทธิภาพการทำงานเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพร ผู้วิจัยได้ทดลองปรับความเร็วรอบของชุดจานใบมีด พบว่าความเร็วรอบที่เหมาะสมคือ 106 รอบต่อนาที ใช้ใบมีดที่มีระยะห่าง 4 ถึง 6 มิลลิเมตร เมื่อคำนวนหาประสิทธิภาพ พบว่าการหั่นมะระมีประสิทธิภาพ 215.73% และการหั่นขมิ้นชันมีประสิทธิภาพ 431.46% สรุปได้ว่าเครื่องหั่น-ซอยสมุนไพรสามารถหั่นได้ปริมาณมากกว่าใช้แรงงานคน และหั่นได้เร็วกว่าแรงงานคน ช่วยลดระยะเวลาการหั่นสมุนไพรได้ สามารถนำสมุนไพรไปตากแห้งได้นานกว่าและมากกว่าการใช้แรงงานคน และทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 477.40 บาทต่อวัน เป็น 30,800 บาทต่อวัน สำหรับมะระตากแห้ง และขมิ้นชันตากแห้งมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 450 บาทต่อวัน เป็น 50,400 บาทต่อวัน จะเห็นได้ว่าวิสาหกิจชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากการใช้เครื่องหั่น-ซอยสมุนไพร และ 3) การประเมินความพึงพอใจโดยใช้แบบสอบถามให้วิสาหกิจชุมชนทั้ง 14 แห่งในจังหวัดสระแก้ว พบว่ามีระดับความพึงพอใจมากที่สุดโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ย ( ) = 4.87 และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) = 0.15งานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างเครื่องหั่น-ซอย ระดับวิสาหกิจชุมชน 2) ศึกษาหาประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสมของเครื่องหั่น-ซอย และ 3) ประเมินความพึงพอใจของวิสาหกิจชุมชนที่มีต่อเครื่องหั่น-ซอย ประชากรที่ทำประเมินคือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จำนวน 14 วิสาหกิจชุมชน ที่ปลูก และแปรรูปสมุนไพร จังหวัดสระแก้ว โดยใช้สถิติการวิเคราะห์คุณภาพของแบบสอบถาม และการคำนวณค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผู้วิจัยได้ออกแบบสร้างเครื่องหั่น-ซอย โดยใช้วัสดุ SUS304 ด้วยชุดจานใบมีดแบบ 3 ใบมีด ตอบสนองความต้องการของวิสาหกิจชุมชน จังหวัดสระแก้ว และหาประสิทธิภาพการหั่นมะระและขมิ้นชัน ผลการวิจัยพบว่า 1) เครื่องหั่น-ซอยสามารถหั่นมะระ และขมิ้นชันได้ตามความต้องการของวิสาหกิจชุมชน จากการทดลองหั่นมะระและขมิ้นชันปริมาณ 1 กิโลกรัม ด้วยแรงงานคนหั่นมะระใช้เวลาเฉลี่ย 276 วินาที และหั่นขมิ้นชันใช้เวลาเฉลี่ย 241 วินาที ประสิทธิภาพแรงงานคนคือ 1.04% 2) ประสิทธิภาพการทำงานเครื่องหั่น-ซอย รอบความเร็วที่เหมาะสมคือ 106 รอบต่อนาที ใช้ใบมีดที่มีระยะห่าง 4 มิลลิเมตร ระยะเวลาหั่นมะระคือ 30 วินาที และใช้ใบมีดที่มีระยะห่าง 6 มิลลิเมตร ระยะเวลาหั่นมะระคือ 22 วินาที ประสิทธิภาพการหั่นมะระคือ 215.73% และหั่นขมิ้นชันรอบความเร็วที่เหมาะสมคือ 241 รอบต่อนาที ทดลองหั่นด้วยใบมีดที่มีระยะห่าง 4 มิลลิเมตร ระยะเวลาหั่นขมิ้นชันคือ 14 วินาที และใช้ใบมีดที่มีระยะห่าง 6 มิลลิเมตร ระยะเวลาที่หั่นคือ 13 วินาที ประสิทธิภาพการหั่นขมิ้นชันคือ 431.46% สรุปได้ว่าเครื่องหั่น-ซอยสามารถหั่นได้ปริมาณมากกว่าใช้แรงงานคน และหั่นได้เร็วกว่าแรงงานคนช่วยลดระยะเวลาการหั่นสมุนไพรได้ จากเดิมใช้แรงงานคน มะระตากแห้งจะมีรายได้ 477.40 บาทต่อวัน ขมิ้นชันตากแห้งจะมีรายได้ 450 บาทต่อวัน และเมื่อวิสาหกิจชุมชนใช้เครื่องหั่น-ซอย มีรายได้เพิ่มจากมะระตากแห้ง 30,800 บาทต่อวัน และขมิ้นชันตากแห้ง 50,400 บาทต่อวัน จะเห็นได้ว่าวิสาหกิจชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากการใช้เครื่องหั่น-ซอย การประเมินความพึงพอใจโดยใช้แบบสอบถามให้วิสาหกิจชุมชน จังหวัดสระแก้ว 3) ผลประเมินความพึงพอใจที่มีต่อเครื่องหั่น-ซอย โดยพบว่ามีระดับความพึงพอใจมากที่สุด ( = 4.87) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D. = 0.15

FACTORS INFLUENCING ATTITUDE AND INTENTION TO MAKE ELECTRONIC PAYMENTS VIA DIGITAL WALLET PROVIDERS OF GENERATION Y CONSUMERS: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติและความตั้งใจในการทำธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล ของผู้บริโภคเจเนอเรชั่นวาย

The aim of this research was to examine the influence of Perceived ease of use, Perceived usefulness, Trust, and Promotional benefits toward attitude and intention to use digital wallet services. There were 400 samples in this study who were Generation Y consumers aged between 21-37 years old. The data were collected by online questionnaire. The hypothesis was tested by multiple linear regression and path analysis. The results of this study showed that Perceived ease of use, Perceived Usefulness, Trust, and Promotional Benefits factors had a significant effect on Intention to use digital wallet services and Attitude also significantly influenced Intention to use digital wallet services. The study also examined the direct and indirect effects of the mediator which found that Perceived ease of use and Perceived Usefulness influenced Intention to use digital wallet services where Attitude is the partial mediation. At the same time, Trust and Promotional Benefits also influenced Intention to use digital wallet services where Attitude is the full mediation. The study also provided additional information for entrepreneurs to apply in their planning or developing marketing strategies to meet the needs of their target users